น้ำฝนแม้จะชุ่มฉ่ำ แต่มันก็จะทำให้สิ่งของของเราเสียหายได้ เมื่อเรามีความจำเป็นที่จะต้องขนย้ายบ้าน แล้วข้าวของเครื่องใช้ของเราต้องตากฝน เฉอะแฉะ เปียกปอนไปหมด แถมยังต้องมีความยากลำบากในเรื่องการขนย้ายของอีก แลดูยุ่งยากไปเสียหมด… และถ้าเราพยากรณ์ได้ว่าวันไหนฝนตก เราคงจะเลือกขนย้ายบ้านในวันที่ฝนไม่ตกเป็นแน่ แต่เมื่อไม่เป็นอย่างนั้น เราจึงต้องมีการเตรียมตัวขนย้ายบ้านอย่างระมัดระวังและรอบคอบที่สุด

วันนี้ Goodmove ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการขนย้าย จะมาแนะนำวิธีเตรียมตัวขนย้ายบ้านช่วงหน้าฝนอย่างละเอียด ตั้งแต่การวางแผน แพ็คของ ไปจนถึงการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าทรัพย์สินทุกชิ้นจะถูกส่งถึงที่หมายใหม่อย่างปลอดภัยไร้กังวล

5 ขั้นตอนเตรียมขนย้ายบ้านหน้าฝนให้ราบรื่น

การวางแผนที่ดีคือหัวใจสำคัญที่จะช่วยลดปัญหาและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้

ขั้นตอนสำรวจและคัดเลือกสิ่งของ

เริ่มจากการสำรวจสิ่งของที่เราจะต้องขนย้ายว่ามีสิ่งใดบ้างที่เราจะต้องขนย้าย สิ่งใดบ้างที่เราจะทิ้ง โดยเฉพาะสิ่งของชิ้นใหญ่ อย่างเช่นจำพวกเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ ตู้ เตียง หากมีการใช้แล้ว ค่อนข้างชำรุดบ้างแล้ว ก็อาจจะต้องนำไปขายต่อเป็นของมือสอง หรือบริจาคให้กับผู้ที่สามารถได้ใช้งานต่อไป ในขั้นตอนนี้ อาจจะทำการจดบันทึกทำเป็น check list ด้วย เพื่อความสะดวกในการตรวจทานสิ่งของเมื่อย้ายเสร็จ และเราจะได้มั่นใจได้ว่า ของของเราจะไม่สูญหายระหว่างทาง ขั้นตอนการสำรวจและคัดเลือกสิ่งของนี้ จะช่วยให้เราจัดการขนย้ายได้สะดวกยิ่งขึ้น อีกทั้งเรายังเป็นประโยชน์ต่อการคำนวณค่าใช้จ่าย หากเราจำเป็นต้องใช้บริการการขนย้ายสิ่งจากบริษัทที่ให้บริการ

ขั้นตอนของการจัดสิ่งของเป็นหมวดหมู่

ขั้นตอนต่อมาคือการเก็บสิ่งของจัดออกมาเป็นหมวดหมู่ตามความสะดวกของเรา เช่นของชิ้นใหญ่ ของชิ้นเล็ก หรือจัดเป็นหมวดหมู่ประเภทของห้อง เช่น หมวดหมู่ของห้องนอน หมวดหมู่ของห้องครัว หมวดหมู่ของห้องรับแขก เพราะเมื่อเราไปถึงบ้านใหม่นั้น จะได้สะดวกต่อการจัดวางสิ่งของ เมื่อต้องยกลงจากยานพาหนะ

ขั้นตอน packing สิ่งของ

จากนั้นเป็นขั้นตอนของการ packing สิ่งของ หรือการบรรจุสิ่งของลงในกล่องหรือในลังที่เราจัดเตรียมไว้ อีกทั้งเป็นขั้นตอนของการ wrap สิ่งของด้วยพลาสติกหรือวัสดุกันกระแทกต่างๆ ซึ่งขั้นตอนนี้ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการขนย้ายบ้านหรือขนย้ายของในช่วงฤดูฝนเช่นนี้ หากไม่มีความรอบคอบในการ wrap สิ่งของนั้น ๆ แล้ว อาจจะทำให้น้ำฝนรั่วซึมผ่านพลาสติกที่เราพันเอาไว้ได้ แล้วของของเราอาจจะมีความเสียหายเกิดขึ้น ในขั้นตอนนี้ควรมีความรอบคอบอย่างยิ่ง และถ้าเราไม่มีความชำนาญในการ wrap สิ่งของนั้น เราอาจจำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญที่มีความชำนาญในการบรรจุ การ wrap สิ่งของมาช่วยในกระบวนการนี้

ขั้นตอนขนย้ายและจัดวางสิ่งของบนรถขนของ

เมื่อเราทำการบรรจุสิ่งของลงในกล่องหรือทำการ wrap สิ่งของเราเรียบร้อย และจัดวางเป็นหมวดเป็นหมู่แล้ว ก็มาถึงขั้นตอนของการขนของขึ้นยานพาหนะที่เราต้องเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ใหม่ การคัดเลือกยานพาหนะหรือรถขนของนั้นก็สำคัญ ในช่วงหน้าฝนเช่นนี้ ควรเลือกรถขนของที่มีหลังคาหรือรถตู้ทึบที่กันไม่ให้น้ำสาดเข้าไปในสิ่งของของเรา

ขั้นตอนนี้สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือการจัดวางสิ่งของบนรถที่ขนของ คนที่ทำหน้าที่จัดการขนของนี้ต้องมีความเชี่ยวชาญ มีความชำนาญในการจัดวางสิ่งของบนรถ เนื่องจากพื้นที่บนรถนั้นมีพื้นที่ค่อนข้างจำกัดถ้าเราจัดวางสิ่งของไม่ดี อาจจะทำให้เสียพื้นที่ไปเปล่าประโยชน์และอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในเรื่องของการเช่ารถเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งในการจัดวางสิ่งของ คนที่จัดวางต้องรู้เหลี่ยมรู้มุม รู้ว่าสิ่งของใดวางทับซ้อนได้ สิ่งใดว่างทับซ้อนไม่ได้เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายได้ ดังนั้น ในกระบวนการเหล่านี้ ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญทักษะ และประสบการณ์อย่างสูง

ขั้นตอนขนย้ายของลงสถานที่ใหม่

เมื่อเราขนย้ายของที่ทำการบรรจุหีบห่อหรือทำการ wrap ด้วยพลาสติกแล้วนำขึ้นรถตู้ทึบเพื่อกันน้ำฝนสาดอย่างมั่นใจแล้ว เมื่อมาถึงสถานที่ใหม่ เพื่อให้รอดปลอดภัยจากน้ำฝนนั้น การจอดรถเข้าสถานที่ควรเลือกจอดในที่มีหลังคาคุ้มกันเพื่อลดการโดนน้ำฝนที่สาดเข้ามา จากนั้นก็ขนสิ่งของเข้าบ้านใหม่ จัดวางให้เป็นหมวดหมู่เหมือนเดิมตามที่เราจัดเตรียมมาตามขั้นต้น

ข้อแตกต่างระหว่าง "ขนย้ายตอนฝนตก" กับ "ขนย้ายตอนน้ำท่วม"

แม้จะเกิดขึ้นในฤดูฝนเหมือนกัน แต่การรับมือสถานการณ์ทั้งสองแบบนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

• ขนย้ายตอนฝนตก: คือการขนย้ายในสภาวะที่มีฝนโปรยปรายหรือตกหนัก แต่ยังไม่มีน้ำท่วมขังบนพื้นถนน การป้องกันจะเน้นไปที่การแพ็คของให้มิดชิดและเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็ว
• ขนย้ายตอนน้ำท่วม: คือสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีน้ำท่วมขังบนพื้นผิวการจราจรหรือบริเวณที่พักอาศัย ซึ่งมีความเสี่ยงและข้อจำกัดสูงกว่ามาก

ข้อควรระวังและขีดจำกัดในการขนย้ายช่วงน้ำท่วม

ในสถานการณ์ที่ฝนตกหนักจนเกิดน้ำท่วมขัง การขนย้ายจะมีความซับซ้อนและความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งมีข้อควรพิจารณาและขีดจำกัดดังนี้

ข้อควรระวังเป็นพิเศษ

• ความปลอดภัยต้องมาก่อน: พื้นที่น้ำท่วมมักมีพื้นผิวที่ลื่นและมองไม่เห็นอุปสรรคใต้น้ำ การขนย้ายต้องทำด้วยความระมัดระวังสูงสุด และต้องตัดระบบไฟฟ้าในบ้านก่อนเริ่มขนย้ายเสมอเพื่อป้องกันไฟฟ้ารั่ว
• ป้องกันทรัพย์สิน: ควรย้ายสิ่งของมีค่าและเครื่องใช้ไฟฟ้าขึ้นที่สูงทันทีที่ทราบข่าว ใช้พลาสติกห่อหุ้มหลายชั้นและปิดเทปอย่างแน่นหนาที่สุด
• ประเมินเส้นทาง: ตรวจสอบเส้นทางการเดินทางว่ามีน้ำท่วมสูงจนรถไม่สามารถสัญจรได้หรือไม่ เพื่อวางแผนเส้นทางสำรอง
• การประเมินหน้างาน: บริษัทขนย้ายมืออาชีพจะประเมินความปลอดภัยของพนักงานเป็นอันดับแรก หากระดับน้ำสูงเกินไปหรือมีความเสี่ยง อาจจำเป็นต้องปฏิเสธการเข้าทำงาน

ขีดจำกัดและสถานการณ์ที่ควรเลื่อนการขนย้าย

• ระดับน้ำสูงเกินไป: หากระดับน้ำท่วมสูงจนรถบริการไม่สามารถเข้าถึงตัวบ้านได้ หรือสูงจนเป็นอันตรายต่อการทำงานของพนักงาน การขนย้ายจะไม่สามารถทำได้
• ความปลอดภัยของพนักงาน: บริษัทขนย้ายมีนโยบายที่จะไม่ส่งพนักงานเข้าไปทำงานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อชีวิต เช่น มีกระแสน้ำแรง หรือมีความเสี่ยงเรื่องไฟฟ้าดูด
• ทรัพย์สินเสียหายหนัก: หากทรัพย์สินจมน้ำเสียหายแล้ว การเคลื่อนย้ายอาจทำได้จำกัด และอาจไม่อยู่ในขอบเขตการรับประกันความเสียหายตามปกติ

เรื่องขนย้ายบ้านหน้าฝน ให้ Goodmove ช่วยดูแล

ขั้นตอนทั้งหมดที่กล่าวมาอาจดูมีรายละเอียดและสร้างความกังวลใจไม่น้อย แต่ปัญหาเหล่านี้จะกลายเป็นเรื่องง่ายเมื่อคุณเลือกใช้บริการจากเรา Goodmove เข้าใจทุกความท้าทายของการขนย้ายบ้านในฤดูฝนเป็นอย่างดี

ทีมงานของเราได้รับการฝึกฝนให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด มีความเชี่ยวชาญในการแพ็คกิ้งสิ่งของด้วยวัสดุป้องกันความชื้น การวางแผนเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็วและปลอดภัย พร้อมด้วยยานพาหนะแบบตู้ทึบที่ได้มาตรฐาน เราพร้อมดูแลทรัพย์สินที่คุณรักให้ไปถึงที่หมายใหม่อย่างสมบูรณ์ที่สุด

หมดกังวลเรื่องขนย้ายบ้านหน้าฝน ติดต่อ Goodmove เพื่อปรึกษาและประเมินราคาฟรีได้แล้ววันนี้  

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.goodmove-th.com
โทร : 0-2114-7574
แฟกซ์ : 0-2100-4773
E-mail : info@goodmovethailand.com
Line ID : @goodmove ( มี @ ข้างหน้า )
Facebook Inbox : https://m.me/1653262334889316